สารสกัดจากเมล็ดองุ่น (Grape Seed Extract) ได้รับการยกย่องให้เป็นอีกหนึ่งสารต่อต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพอย่างสูงส่งและเป็นที่น่าสนใจไปไม่น้อยอีกตัวหนึ่งเลยทีเดียว
โดยสารสกัดจากเมล็ดองุ่นนั้นอุดมไปด้วยสารฟลาโวนอยด์ ซึ่งมีสรรพคุณที่โดดเด่นเหนือกว่าวิตามินซีและวิตามินอี ดังนั้นทุกวันนี้จึงมีผลิตภัณฑ์อาหารเสริมสารสกัดจากเมล็ดองุ่นวางจำหน่ายหลายรูปแบบทั้งซอฟเจลและแคปซูล ซึ่งขนาดที่แนะนำให้ทานนั้นอยู่ที่ 100 มิลลิกรัมต่อวันด้วยการแบ่งทานเป็นวันละ 2 เวลาครั้งละ 50 มิลลิกรัม
แต่ในผู้ที่ป่วยเป็นโรคมะเร็งระยะแรกควรทานวันละ 200 มิลลิกรัม ขณะที่หากเป็นมะเร็งในระยะที่แพร่กระจายไปทั่วแล้วก็ควรทานวันละ 500 มิลลิกรัม
สำหรับคุณค่าของสารสกัดจากเมล็ดองุ่นนั้นมันมีอย่างมากมายชนิดที่เรียกได้ว่ายาวเป็นหางว่าวเลยทีเดียว แต่คุณสมบัติที่เด่นชัดของมันนั้นก็คือ เป็นสารต่อต้านอนุมูลอิสระชั้นเยี่ยมที่อาจช่วยป้องกันโรคมะเร็งหัวใจ และโรคมะเร็งต่างๆ อีกทั้งยังเสริมสร้างภูมิต้านทานให้แก่ร่างกายของเรา
ขณะเดียวกันสารสกัดจากเมล็ดองุ่นยังสามารถที่จะช่วยบำรุงผิวพรรณของเราให้ดูอ่อนเยาว์ อีกด้วย จากการที่มันเข้าไปช่วยชะลอไม่ให้ผิวหนังของเรานั้นแก่ก่อนวัย และลดความแห้งกร้านของเซลล์ผิวด้วยการเสริมสร้างคอลลาเจนที่ชั้นใต้ผิวหนัง ลดกระบวนการสร้างเม็ดสีที่ผิดปกติอันเป็นต้นตอของการเป็นฝ้า, กระ และจุดด่างดำ รวมทั้งยังช่วยลดปัญหาในผู้ที่มีสีผิวไม่สม่ำเสมอกันได้อีกด้วย บำรุงเส้นเลือกฝอยให้แข็งแรง ผิวจึงดูอมชมพู มีเลือดฝาด สุขภาพแข็งแรง
นอกจากนั้นยังช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจและช่วยป้องกันโรคสมองเสื่อมหรืออัลไซเมอร์ตลอดจนบรรเทาอาการของโรคหอบหืดและภูมิแพ้ได้เช่นกัน
อย่างไรก็ดี ผู้ที่จะเข้ารับการผ่าตัดหรือทำฟันนั้นท่านควรที่จะหยุดทานอาหารเสริมที่มีส่วนผสมของสารสกัดจากเมล็ดองุ่นเนื่องจากจะส่งผลให้เลือดแข็งตัวได้ช้าลง เช่นเดียวกับผู้ที่ทานยาต้านเกร็ดเลือดหรือยาต้านการแข็งตัวของเลือด รวมไปถึงผู้ที่ป่วยเป็นโรคเลือดไหลไม่หยุดก็ไม่ควรที่จะทานผลิตภัณฑ์อาหารเสริมที่มีสารสกัดจากเมล็ดองุ่นประกอบอยู่ด้วย
จึงควรตระหนักเอาไว้ให้ว่าสารสกัดจากเมล็ดองุ่นนั้นมันอาจมีผลในเรื่องของการชะลอการแข็งตัวของเลือดหรือทำให้เลือดแข็งตัวได้ช้านั่นเอง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นแล้วหากเราอยากมีสุขภาพที่ดีก็อย่ามัวแต่พึ่งอาหารเสริมเพียงอย่างเดียว แต่ควรที่จะทานอาหารให้ครบถ้วนทั้ง 5 หมู่พร้อมทั้งออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอเพื่อสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงอย่างยั่งยืนนั่นเอง
